คลอโรฟิลล์ดีจริงหรือ ? ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ 27 ข้อ !

คลอโรฟิลล์

คลอโรฟิลล์คืออะไร ? คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) คือ คลอโรพลาสเม็ดเล็ก ๆ มีสีเขียวซึ่งอยู่ในเซลล์พืช เป็นส่วนหนึ่งของพืชที่เกิดจากกระบวนการทำอาหารของพืชหลังจากได้รับแสงอาทิตย์ โดยสูตรโครงสร้างของคลอโรฟิลล์จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสูตรโครงสร้างของสารประกอบ Heme ที่เป็นโครงสร้างหลักของเม็ดเลือดแดงของมนุษย์อย่างมาก ซึ่งผู้ค้นพบสารนี้เป็นคนแรกได้แก่นักวิทยาศาสตร์ชื่อ ฮานส์ ฟิชเชอร์ (Hans fischer)

เชื่อว่าหากร่างกายของเราได้รับคลอโรฟิลล์เข้าไปก็จะไปเป็นสารตั้งต้นในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ในภาวะโลหิตจาง เป็นต้น โดยปกติแล้วในร่างกายของเราจะมีการสร้างและทำลายเซลล์มากกว่า 2.5 ล้านเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ร่างกายทำงานหนัก เม็ดเลือดแดงในร่างกายก็จะถูกทำลายมากขึ้นตามไปด้วย และร่างกายของเราก็ต้องมีการสร้างขึ้นมาทดแทนในจำนวนเท่า ๆ กัน ตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายของเรามีความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดง สาเหตุอาจจะมาจากการขาดสารตั้งต้นอย่างคลอโรฟิลล์ เมื่อปล่อยให้มีความบกพร่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติตามมา เพราะเม็ดเลือดแดงถือเป็นระบบขนส่งอาหารที่สำคัญอย่างมากในร่างกาย

แต่ก็มีข้อโต้แย้งออกมาว่าสารสกัดจากคลอโรฟิลล์นั้นไม่สามารถนำไปใช้สร้างเม็ดเลือดแดงได้ เนื่องจากมันมีองค์ประกอบของโครงสร้างและหน้าที่แตกต่างจากเม็ดเลือดแดงอย่างสิ้นเชิง เพราะหน้าที่หลักของคลอโรฟิลล์นั้นช่วยในการสังเคราะห์แสงของพืชเท่านั้น

คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)

คลอโรฟิลล์

  • สารคลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ในพืชจะแบ่งออกเป็นประเภทที่ละลายในน้ำ และอีกประเภทที่ละลายในไขมัน ซึ่งในส่วนของประเภทที่ละลายในไขมันนั้นทางองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่รับรองให้รับประทาน แต่ส่วนที่เป็นประเภทที่ละลายในน้ำนั้นสามารถรับประทานได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยกำหนดให้รับประทานได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะถ้าหากเกินกว่านั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • การรับประทานสารคลอโรฟิลล์ในปริมาณที่มากเกินไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือในสีผสมอาหาร อาจจะทำให้สีของปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียว และอาจจะทำให้ท้องเสียได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีรายงานพบว่าเกิดการแพ้สารคลอโรฟิลล์
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิดนั้น โดยหลักการคือสิ่งที่เราต้องรับประทานเสริมเมื่อร่างกายขาดสารอาหารประเภทนั้น แต่ถ้าร่างกายของเราไม่ได้ขาดสารอาหารอะไร คุณก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แค่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็ถือว่าเพียงพอต่อร่างกายแล้ว เพราะถ้าหากร่างกายได้สารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินกว่าปกติ ก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียหรือเป็นโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้นถ้าในชีวิตประจำวันคุณรับประทานอาหารประเภทผักหรือผลไม้ที่มีสีเขียวอย่างเพียงพออยู่แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นที่ต้องรับประทานคลอโรฟิลล์เสริมอาหารแต่อย่างใด
  • การรับประทานคลอโรฟิลล์เสริมอาหารนั้น ในผลงานวิจัยทางการแพทย์ทางด้านสารอาหารในต่างประเทศ ก็มีผลงานวิจัยออกมาทั้งที่เป็นด้านบวกและด้านลบ ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อย่างเดียวหากเรารับประทานแบบไม่ถูกต้องหรือรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ดังนั้นก่อนการเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคลอโรฟิลล์ คุณควรอ่านคำเตือนข้างกล่องก่อนรับประทานและเราก็ต้องรู้ว่าร่างกายของเราควรได้รับสารอาหารประเภทนี้หรือไม่
  • ในเรื่องนี้นักวิชาการส่วนใหญ่ยังเห็นว่าการรับประทานอาหารเสริมคลอโรฟิลล์นั้นเป็นการสิ้นเปลือง และแนะนำว่าควรหันมารับประทานผักสีเขียวให้มากขึ้นเพราะเป็นแหล่งของคลอโรฟิลล์ จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าและไม่สิ้นเปลืองเงินมาก สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคลอโรฟิลล์ผง ใช้ชงกับน้ำดื่มหรือที่เรียกกันว่า น้ำคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีการอวดอ้างสรรพคุณไว้มากมาย ดังนั้นควรใช้วิจารณญาณกันให้ดี เพราะประโยชน์หลายข้อยังขาดหลักฐานการสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ ซึ่งคลอโรฟิลล์เสริมอาหารที่อ้างว่าเป็นสารจากธรรมชาตินั้น ความจริงแล้วในกระบวนการผลิตคลอโรฟิลล์จะถูกสกัดและทำปฏิกิริยาเคมีกับสารอื่น ๆ จนเป็นสารใหม่ขึ้นมา

ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์

  1. เชื่อช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
  2. เชื่อว่ามีส่วนช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
  3. ช่วยลดเลือนรอยคล้ำรอบดวงตา
  4. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย
  5. ช่วยลดอาการภูมิแพ้ โรคหอบหืด แพ้อากาศ
  6. ช่วยเพิ่มปริมาณของเม็ดเลือดแดงให้สมดุล
  7. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  8. ช่วยกำจัดสารพิษภายในร่างกาย
  9. มีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ
  10. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
  11. มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและไมเกรน
  12. ช่วยลดปัญหาการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันหรือเส้นเลือดขอด
  13. ช่วยลดปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นที่เกิดจากอวัยวะภายในร่างกาย
  14. ใช้เป็นยาดับกลิ่นปาก (เห็นผลน้อยมาก)
  15. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและลำไส้
  16. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  17. มีส่วนช่วยบรรเทาและรักษาโรคท้องผูก
  18. ช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  19. ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
  20. ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ ช่วยทำความสะอาดบาดแผลให้สะอาดได้ดีกว่าสารชนิดอื่น
  21. มีส่วนช่วยป้องกันโรคตับอักเสบและไตวาย
  22. มีส่วนช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับ
  23. มีฤทธิ์ในการต้านการติดเชื้อต่าง ๆ (แต่มีประสิทธิภาพน้อยมาก ๆ)
  24. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  25. ใช้รักษาแผลและช่วยการสมานบาดแผล ให้แผลหายไวกว่าปกติ
  26. ช่วยดับกลิ่นเหม็นของแผล
  27. ช่วยลดอาการเป็นพิษหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิดได้

ข้อแนะนำ : ควรใช้วิจารณญาณในการเชื่อ เพราะข้อมูลบางอย่างยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด